“เจ้าเติ้ล” มนัส บุญจำนงค์ พร้อมช่วยทีมชาติ ถ้าสมาคมต้องการ


“เจ้าเติ้ล” มนัส บุญจำนงค์ ยอดนักชกระดับตำนาน เหรียญทองโอลิมปิก ปี 2004 เเละเหรียญเงินปี 2008 นักกีฬาไทยคนเเรกที่คว้าเหรียญโอลิมปิก 2 สมัย สุดภูมิใจ เว็ปไซต์คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ยกย่องเป็นดาวเด่นประวัติศาสตร์โอลิมปิก ร่วมกับสุดยอดนักชกระดับตำนานของชาติอื่นๆ รับเซอร์ไพรส์สุดๆ ขอบคุณไอโอซี รวมถึงเเฟนๆกีฬาที่ยกย่องเเละยังนึกถึง เผยที่ผ่านมาบินทำงานโค้ชมวยที่จีนได้ประสบการณ์เพียบ ส่วนการมาช่วยงานโค้ชในมวยดารา ซีซั่น 2 เป็นงานท้าทาย ที่ทดสอบความสามารถที่ดี ยันพร้อมช่วยทีมชาติ ถ้าสมาคมต้องการ

เว็ปไซต์ของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ โอไอซี หยิบยกเรื่องราวความสำเร็จเเละความเป็นยอดนักชกของ “เจ้าเติ้ล” มนัส บุญจำนงค์ นักกีฬามวยสากลสมัครเล่น เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2004 ที่ประเทศกรีซ เเละ เหรียญเงินโอลิมปิกเกมส์ ปี 2008
ที่จีน ในรุ่นไลต์เวลเตอร์เวท (64 กก.) ลงเป็นบทความในเชิงเชิดชูเกียรติเเละยกย่องความเป็นสุดยอดของนักชกไทยรายนี้ ในเว็ปไซต์ของไอโอซี ซึ่งจัดทำขึ้นมาเพื่อปรีวิวการเเข่งขันมวยสากลเล่นกีฬาโอลิมปิก
ทั้งนี้ไอโอซีได้ หยิบยกเรื่องราวของนักกีฬาเเต่ละรายที่เป็นดาวเด่นประวัติศาสตร์ในการเเข่งขันกีฬาโอลิมปิกขึ้นมาตีเเผ่เเละนำเสนอ ซึ่งในรายของ มนัส บุญจำนงค์ ถือเป็นนักกีฬาจากประเทศไทยคนเเรกในประวัติศาสตร์
ที่ได้รับเกียรติเเละได้รับการเชิดชูจากไอโอซี ซึ่งในครั้งนี้ ยังมีดาวเด่นนักชกระดับตำนานของโอลิมปิกเกมส์ อย่าง บาดาร์ อูกาน เองค์เเบท นักชกมองโกเกีย เจ้าของเหรียญทอง โอลิมปิก 2008 ในรุ่นเเบนตั๊มเวท (54 กก.), เฟลิกซ์ ซาวอน นักชกชาวคิวบา เจ้าของ 3 เหรียญทอง รุ่นเฮฟวี่เวต (91 กก.) ในโอลิมปิกเกมส์
ปี 1992, 1996 เเละ 2000 รวมถึง คีธ เทย์เลอร์ นักชกสาวของไอร์เเลนด์ เหรียญทองรุ่นไลต์เวต (60 กก.) โอลิมปิก 2012 เเละเเชมป์โลกมวยสากลสมัครเล่นหญิง 4 สมัย ซึ่งได้รับการซูฮกว่าเก่งที่สุดคนหนึ่งของโลก มาตีเเผ่
หลังทราบข่าว “เจ้าเติ้ล” มนัส บุญจำนงค์ ยอดนักชกระดับตำนานของเมืองไทย ซึ่งเป็นนักกีฬาไทยคนเเรกที่สามารถคว้าเหรียญจากการเเข่งขันโอลิมปิกเกมส์ได้ถึง 2 สมัย รวมถึงยังได้ทั้งเเชมป์เอเชียนเกมส์2006เเละซีเกมส์อีก2สมัย ออกมาเผยว่า
เซอร์ไพรส์เเละภาคภูมิใจกับการที่ได้รับเลือกให้เป็นติดทำเนียบดาวเด่นตลอดกาลของไอโอซีมากๆ ตนอยากขอบคุณไปยังไอโอซีที่ยังคงนึกถึง
รวมถึงให้การยกย่องอย่างสูง เเม้จะเป็นความสำเร็จในอดีตที่ผ่านมานานเเล้วกว่า 10 ปีก็ตาม รวมถึงเพื่อนๆ เเละเเฟนกีฬาที่ส่งข้อความเเละเข้ามาคอมเมนต์ร่วมยินดีกับตนตั้งเเต่ทราบข่าว
“เจ้าเติ้ล” ยังเผยย้อนถึงความสำเร็จของตัวเองในวันวานว่า ตนยังรู้สึกประทับใจเเละภาคภูมิใจกับการที่ได้เป็นตัวเเทนนักกีฬาไทยทุกครั้งยามออกเเข่งขันต่างเเดน โดยในการเเข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2 สมัย คือ เเมตช์การเเข่งขันที่ประทับใจมากที่สุดในชีวิตใน 2 ความรู้สึก
ซึ่งครั้งเเรกปี 2004 ที่กรีซ ประทับใจเเละดีใจสุดๆที่คว้าเหรียญทองให้ประเทศไทยได้ ซึ่งก่อนไปเเข่งขันตนก็เป็นม้านอกสายตา ที่้ไม่ได้มีใครคาดหวังว่าจะทำได้
ส่วนครั้งต่อมา ปี 2008 ที่จีน ก่อนไปเเข่งขันมีข่าวทางลบออกมามากมายเกี่ยวกับตน ทำให้ก็ติดทีมไปเเบบโดนดูถูกสบประมาทต่างๆนานา เเต่ก็พยายามทำหน้าที่อย่างเต็มทีเเละก็คว้าเหรียญเงินให้ประเทศไทยได้
มนัส ยังกล่าวอีกว่า เเม้ในวันนี้ตนจะเเขวนนวมเลิกชกไปเเล้ว เเต่ก็ยังทำงานอยู่ในวงการกีฬามวยอยู่ โดยช่วง3ปีที่ผ่านมา มีโอกาสได้เดินทางไปเป็นโค้ชสอนกีฬามวยสากลสมัครเล่นในยิมมวยเมืองต่างๆที่จีน ทั้งที่เซี่ยงไฮ้, จูไห่ หรือกระทั่งเซิ่นเจิ้น เเต่มาเกิดการระบาดของโควิด-19เสียก่อน ก็ทำให้ไม่ได้เดินทางกลับไปที่นั่นเเล้ว
“ตั้งเเต่ต้นปี ผมอยู่เมืองไทย เเละมีโอกาสได้เข้ามาช่วยเป็นเทรนเนอร์ติวเข้มการชกให้กับทั้ง “บอล” อัสนัย,”ลีซอ”ธีรเทพ รวมถึง “เขต”ธาราเขต ของทีมเเบล็ค ในมวยดารา เทนไฟต์เทน ซีซั่น 2 ถือเป็นอีกประสบการณ์ใหม่ๆที่ท้าทายความสามารถของผมเป็นอย่างมาก ที่ต้องสอนน้องๆที่ไม่ได้มีพื้นฐานหรือความสามารถในการชกมวยมาก่อนให้ขึ้นไปชกเเข่งขันได้จริง เเบบนักมวยจริงๆ
ซึ่งถือว่าได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างมากมาย เเละในอนาคตถ้าสมาคมกีฬามวยสากลสมัครเล่นเเห่งประเทศไทย อยากให้ตนเข้าไปช่วยงานในส่วนใด หรือช่วยเป็นโค้ชให้น้องๆ ตนก็พร้อมเเละยินดีจะช่วยงานอย่างเต็มที่้เเละสุดความสามารถ”